เชื้อพาร์โวไวรัสในสุนัข อันตรายกว่าที่คุณคิด
ด้วยเพราะเรื่องราวของสุขภาพเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญที่ไม่ว่าคนหรือสัตว์เลี้ยงก็ไม่ควรปล่อยผ่าน ยิ่งปัจจุบันนี้มีโรคต่าง เกิดขึ้นมากเราคนเลี้ยงน้องหมาจึงต้องเตรียมพร้อมรับมือ อย่างวันนี้ที่เรามีเรื่องราวของเชื้อไวรัสที่มีชื่อว่า พาร์โวไวรัส เชื้อโรคนี้คือเชื้อโรคอะไร จะทำให้เกิดโรคอะไรนั้นมาตามชมกัน
เชื้อพาร์โวไวรัส คืออะไร
เป็นเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดลำไส้อักเสบติดต่อในสุนัขแบบเฉียบพลัน สามารถเกิดกับสุนัขทุก ๆ ช่วงอายุ แต่ในลูกสุนัขอายุ 4-6 เดือนจะมีความไวต่อการติดเชื้อ อาการของโรคจะรุนแรงมาก
สายพันธุ์น้องหมาที่พบอาการบ่อยคือ ร๊อตไวเลอร์ โดเบอร์แมนพินเชอร์ อเมริกันพิทบลูเทอเรีย เยอรมันเชพเพิร์ด และลาบราดอร์รีทรีฟเวอร์ มีความไวต่อเชื้อนี้สูงกว่าสายพันธุ์อื่น ๆ และพบว่าลูกสุนัขที่ป่วยมีโอกาสเสียชีวิตได้สูง เนื่องจากไม่มีการรักษาอย่างเฉพาะเจาะจง
การติดต่อและอาการโรคลำไส้อักเสบในสุนัข
น้องหมาจะสามารถติดเชื้อโรคนี้ได้จากการสูดดม สัมผัสกับอาเจียน หรืออุจจาระของสุนัขที่เป็นโรค และมีการพบอีกว่า " เชื้อพาร์โวไวรัส " มักจะปนเปื้อนอยู่ในดิน และมีชีวิตอยู่ได้นานถึง 1 ปี ไวรัสชนิดนี้จะเข้าไปทำลายระบบย่อยอาหาร ทำให้ไม่สามารถดูดซึมสารอาหารจำพวกโปรตีนและน้ำได้ ส่งผลให้ร่างกายสุนัขอ่อนแรง เกิดภาวะขาดน้ำ และหัวใจยังเต้นเร็วผิดปกติ
การสังเกตอาการเมื่อน้องหมาได้รับเชื้อ
1. มีไข้สูงประมาณ 40-41 องศาเซลเซียส
2. เซื่องซึม
3. เบื่ออาหาร
4. อาเจียน
5. ท้องเสียอย่างรุนเเรง (อาจมีเลือดปน)
6. น้ำหนักลดอย่างรวดเร็ว
การรักษา
สิ่งแรกที่ควรทำคือ หากพบความผิดปกติในลักษณะนี้ควรพาไปพบสัตวแพทย์ทันที เพราะหากไม่รีบรักษาคุณพ่อคุณแม่อาจจะเสียน้องไปภายใน 48-72 ชั่วโมง เพราะหากไม่รีบรักษาคุณอาจจะเสียน้องไปภายใน 48-72 ชั่วโมง โดยการรักษาลำไส้อักเสบติดต่อนั้นไม่มีการรักษาแบบเฉพาะเจาะจง จึงมีเพียงการรักษาแบบผยุงอาการ และควบคุมการติดเชื้อแทรกซ้อน ดังนี้คือ
· การให้น้ำ สารอาหารและแร่ธาตุ เนื่องมาจากสัตว์เบื่ออาหารร่วมกับอาการถ่ายเหลว และอาเจียน
· ยาปฏิชีวนะ ควบคุมการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน
· งดน้ำงดอาหารอย่างน้อย 24 ชั่วโมง ให้สารอาหารเข้าทางกระแสเลือดทดแทน เพื่อให้ทางเดินอาหารได้พัก และปรับสภาพ จากนั้นให้รับทานอาหารที่ย่อยง่าย โดยแบ่งให้ครั้งละน้อย ๆ แต่บ่อยครั้ง จนกระทั่งการทำงานของลำไส้กลับมาเป็นปกติจึงกลับมารับประทานอาหารตามปกติ
· ให้ยาแก้คลื่นไส้อาเจียน และยาลดกรดในทางเดินอาหาร เพื่อลดการสูญเสียน้ำและอิเลคโตรไลท์ และลดการระคายเคือง ของทางเดินอาหารส่วนต้น เนื่องจากน้ำย่อยในกระเพราะอาหาร
· ยาแก้ท้องเสีย โดยทั่วไปแล้วมักไม่นิยมใช้กับการท้องเสียเนื่องมาจากการติดเชื้อ
· การให้เลือด ในกรณีที่มีการถ่ายเหลวแบบมีมูกเลือดรุนแรง เป็นเหตุให้มีภาวะโลหิตจางตามมา
การป้องกันโรคลำไส้อักเสบในสุนัข
การป้องกันที่ดีที่สุดก็คือ การฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อพาร์โวไวรัสตั้งแต่ 14-16 สัปดาห์ และไม่ควรพาออกนอกบ้านหลังฉีดวัคซีนไปแล้ว 2 สัปดาห์ แต่สายพันธุ์ที่มีความเสี่ยงสูงควรเว้นระยะห่างอย่างน้อย 22 สัปดาห์และสำหรับน้องหมาโต ก็ควรหมั่นพาไปตรวจสุขภาพ และฉีดวัคซีนให้ครบตามกำหนดอยู่เสมอ
นอกเหนือจากนี้ต้องระมัดระวังในการพาน้อง ๆ แวะเวียนไปในแหล่งที่มีสุนัขจำนวนมาก โดยระวังไม่ให้น้อง ๆ ไปสัมผัสกับอาเจียน หรืออุจจาระของสุนัขตัวอื่นเด็ดขาด ถ้าตัวน้องถ่ายเสียเองถ่ายก็ควรรีบทำความสะอาดให้เรียบร้อย เพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อพาร์โวไวรัส
แม้พาร์โวไวรัส จะเป็นแค่เชื้อโรค แต่ก็มีผลต่อชีวิตได้เพราะะยังไม่มียารักษาได้โดยตรง นอกจากรักษาตามอาการเท่านั้น อย่าละเลยการใส่ใจสุขภาพของน้อง ๆ พาพวกเขาไปฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคอย่างสม่ำเสมอกันเพื่อสุขภาพที่ดีของเจ้าสี่ขาที่รักของเรา